การจัดการพนักงานร้านอาหาร: คู่มือฉบับเจาะลึก

การจัดการพนักงานร้านอาหาร: คู่มือฉบับเจาะลึก

เรียนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการจัดการพนักงานที่นี่!

โพสต์โดย Victor Delgadillo 15 กันยายน 2565

คุณกำลังมองหาวิธีการปรับปรุงการจัดการพนักงานร้านอาหารของคุณอยู่หรือไม่?

หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร?

เมื่อคุณเริ่มต้นทำธุรกิจร้านอาหาร บางครั้งคุณอาจจะต้องสวมบทบาทเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับร้านอาหารขนาดเล็ก

คุณจะต้องเผชิญกับความท้าทายสุดหิน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ไปเสียทีเดียว!

ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหน้าที่ต่างๆ ของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลร้านอาหาร เคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาทักษะการจัดการพนักงาน และอื่นๆ อีกมากมาย

คู่มือนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้มากนัก และก็ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหารอยู่แล้วอีกด้วย

มาเริ่มกันเลย!

ควรเลือกพนักงานร้านอาหารอย่างไร?

บริกรเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้า

หน้าที่ที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของร้านอาหารคือ การจ้างพนักงาน

อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพูดถึงเรื่องนี้ — เราเคยพูดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดใน สุดยอดคู่มือในการสรรหาและจัดการบริกร

อย่างไรก็ตาม นอกจากการจ้างพนักงานจะเป็นเรื่องยากแล้ว ยังต้องอาศัยทั้งพลังกายและพลังใจเป็นอย่างมาก

คุณจะตัดสินอย่างถูกต้องได้อย่างไรว่า คนคนหนึ่งนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งที่เราต้องการ?

ดังนั้น คุณต้องดูคนให้ออก ผ่านการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว หรือสัมภาษณ์ทางวิดีโอ หรืออื่นๆ

ต่อไป จะเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรพิจารณา

สร้างระบบการจ้างพนักงาน

การสัมภาษณ์งาน

เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ การว่าจ้างพนักงานสามารถจัดการให้เป็นระบบได้

นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ:

1. ศึกษาตำแหน่งของพนักงานที่คุณต้องการ:

คุณต้องศึกษาตำแหน่งและหน้าที่ของพนักงานที่คุณต้องการอย่างถ่องแท้ เพื่อให้ทราบว่าคนแบบไหนที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นๆ และทักษะใดที่พวกเขาควรจะต้องทำได้ดี

2. เขียนรายละเอียดงานอย่างตรงไปตรงมา:

หลายคนพลาดที่ไม่ได้แจ้งผู้สมัครอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับบทบาทที่พวกเขาจะได้รับเมื่อถูกรับเข้าทำงาน นี่เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะทำให้ได้ผู้สมัครที่ตรงต่อความต้องการจริงๆ!

3. สร้างคุณสมบัติของพนักงานในอุดมคติ:

ขอแนะนำให้คุณสร้างคุณสมบัติของพนักงานในอุดมคติ รวมถึง ทักษะ และความสามารถอื่นๆ ที่พนักงานพึงมีเพื่อสามารถทำงานในตำแหน่งนั้นๆ ได้อย่างมีคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแนวทาง - จำไว้ว่าในโลกนี้ไม่มีคนสมบูรณ์แบบ และไม่มีคนที่สามารถทำทุกอย่างได้ เพราะอย่างนี้เราจึงต้องมีการอบรม!

4. เริ่มการสรรหาบุคคลที่มีศักยภาพ:

คุณสามารถประกาศรับสมัครงานผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ บนเว็บไซต์ หรือผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของร้านอาหาร เพื่อเสนองานให้กับคนที่สนใจและมีคุณสมบัติ ที่สำคัญ อย่าลืมให้ข้อมูลติดต่อกลับด้วย!

5. รับเรซูเม่และใบสมัคร:

เรซูเม่ ไม่ว่าจะเป็นแบบเอกสารหรือแบบดิจิทัล เป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการตรวจสอบว่าผู้สมัครแต่ละคนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งนั้นๆ หรือไม่

6. เปรียบเทียบผู้สมัคร:

ทำการเปรียบเทียบผู้สมัคร — และเปรียบเทียบกับสมบัติของพนักงานในอุดมคติที่ได้ร่างเอาไว้ก่อนหน้า

7. สัมภาษณ์ผู้สมัครที่มีศักยภาพ:

นี่เป็นพื้นฐานของกระบวนการคัดเลือก นอกเหนือไปจากการสังเกตการตอบคำถามและทัศนคติของผู้สมัคร คุณควรถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง นอกจากนี้ คุณควรสังเกตลักษณะส่วนบุคคลของพวกเขาด้วย เราสามารถบอกได้ว่าคนใดมีคุณสมบัติและมีศักยภาพผ่านบุคลิกภาพและทัศนคติของเขา!

8. ทดลองงาน:

ขั้นตอนการทดลองงานเป็นเพียงทางเลือก และมักมีก็ต่อเมื่อมีพนักงานประจำในตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว

9. ตัดสินใจ:

ขั้นตอนสุดท้ายคือการเลือกผู้สมัครที่มีศักยภาพมากที่สุด!

หากมีการทดลองงาน คุณควรรับฟังความคิดเห็นของพนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในทีมและได้ทำงานร่วมกัน

เพราะอย่างไรแล้ว ในท้ายที่สุด คนที่คุณจ้างมา จะไม่ได้ทำงานภายใต้การดูแลของคุณโดยตรง

คุณสมบัติของลูกจ้างที่ดี

บ่อยครั้งที่เรามุ่งเน้นไปที่ทักษะมากกว่าคุณภาพ แต่พนักงานที่ดีควรมีความสมดุลของทั้งสองอย่าง

ต่อไปนี้คือคุณสมบัติของพนักงานที่ดีที่คุณควรมองหา:

1. กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และเชี่ยวชาญในสิ่งที่ตำแหน่งต้องการ

บางครั้ง ดีกว่าที่จะจ้างคนที่ไม่มีประสบการณ์แต่มีความกระตือรือร้นและอยากรู้อยากเห็นในการเรียนรู้ ดีกว่าจ้างคนที่รู้ทุกอย่างที่คุณต้องการ แต่หยิ่งทะนงและเอาแต่ใจตัวเอง

2. มีจรรยาบรรณในการทำงานที่ดีและทำงานเชิงรุก

พนักงานต้องมีความกระตือรือร้นและแสวงหาแนวทางแก้ไขเมื่อพบปัญหาต่างๆ

นอกจากนี้ พนักงานในอุดมคติไม่เพียงแต่ปรับปรุงตัวให้เข้ากับงานที่กำหนดไว้เท่านั้น แต่ยังต้องมองหาวิธีที่จะปรับปรุงในสิ่งที่เขาทำ และปรับปรุงในส่วนของกระบวนการด้วย

3. ความเห็นอกเห็นใจและการคิดถึงผู้อื่น

คนที่เอาใจใส่เพื่อนร่วมงานจะสามารถทำงานและสร้างความสัมพันธ์ได้ดี

4. ความซื่อสัตย์

ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพนักงานร้านอาหารทุกคน

เราต้องสามารถวางใจได้ว่า พนักงานแต่ละคนจะทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมาย!

5. แนวโน้มการทำงานเป็นทีม

ทีมงานจับมือกัน

คนที่ชอบทำงานคนเดียว พยายามแข่งขัน และชอบล้อเลียนความผิดพลาดของเพื่อนร่วมงาน แทนที่จะช่วยเหลือกัน จะไม่มีวันทำงานร่วมกับทีมได้

พนักงานในอุดมคติมักจะมองหาโอกาสที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน ให้การสนับสนุนเมื่อจำเป็น นั่นเป็นเหตุผลที่เรียกว่ากองพลครัว!

ฝึกอบรมบุคลากรใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไป

เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมกลุ่ม

เมื่อฝึกอบรมบุคลากรใหม่ คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือสามารถมอบหมายงานนี้ให้กับบุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมาชิกใหม่จะมาเข้าร่วม

อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการฝึกอบรมมีระบบระเบียบ ละเอียดถี่ถ้วน และเป็นขั้นเป็นตอน

วิธีนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการป้อนข้อมูลมหาศาลให้กับพนักงานใหม่ในคราวเดียว

สำหรับการดำเนินการ ให้พิจารณาทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. สร้างระบบการฝึกอบรมหรือวางแผนสำหรับแต่ละกองพลในร้านอาหาร

นี่เป็นกระบวนการที่สามารถจัดระบบได้ง่าย

ในการสร้างแผนการฝึกอบรม ให้เริ่มจากเขียนรายการกิจกรรม จากนั้นจัดระเบียบกิจกรรมจากง่ายไปหายาก ในขั้นตอนนี้ ควรปรึกษาขอความเห็นจากพนักงานประจำ

จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้สอนพนักงานที่ดูแลแต่ละกิจกรรมอย่างละเอียด อย่าลืมแบ่งปันข้อมูลสำคัญและข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ แน่นอน คุณสามารถมอบหมายงานนี้ให้กับผู้ปฏิบัติงานคนอื่นได้!

2. สอนด้วยตัวอย่าง

ขั้นตอนนี้เข้าใจได้ง่าย เพียงทำกิจกรรมหรือปฏิบัติงานที่คุณต้องการสอนพนักงานใหม่ต่อหน้าพวกเขา!

นอกจากนี้ คุณควรให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา อย่างเช่น เคล็ดลับ กลเม็ด และอื่นๆ เพื่อให้สาารถทำงานได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงานไปด้วย

3. กำกับดูแลการอบรมอย่างใกล้ชิด

นี่เป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของช่วงการฝึกอบรม

หลังจากที่คุณได้แสดงให้พนักงานเห็นถึงวิธีการทำงานแล้ว ก็ถึงเวลาให้พวกเขาลองทำด้วยตัวเอง

อย่าลืมแก้ไขข้อผิดพลาดและติดตามกิจกรรมที่มีความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด มันจะช่วยให้หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุในอนาคตได้!

4. อธิบายกฎอย่างละเอียด

ขั้นตอนการฝึกอบรมเป็นเวลาที่เหมาะสมในการอธิบายกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่พนักงานต้องปฏิบัติตาม

คุณต้องอธิบายผลที่ตามมา บทลงโทษ และอื่นๆ หากไม่ปฏิบัติตาม

พยายามอย่าข่มขู่ แต่ให้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแทน

5. ทำซ้ำขั้นตอนการฝึกอบรมก่อนเริ่มงาน

เมื่อพนักงานได้ดำเนินกิจกรรมตามแผนแล้วหนึ่งหรือสองครั้ง คุณสามารถจัดการฝึกอบรมซ้ำ – ในฉบับที่รวบรัดกว่า – เพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างถูกต้อง

6. มอบหมายที่ปรึกษาให้กับพนักงานใหม่

การสอนงานไม่ได้สิ้นสุดเมื่อพนักงานสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย

ในทางตรงกันข้าม คุณจะต้องมอบหมายที่ปรึกษาชั่วคราวให้กับพนักงานแทน

วิธีนี้ทำได้ง่าย เพราะหากว่าคุณขอความร่วมมือจากพ่อครัวหรือผู้ช่วยในครัว พวกเขาจะต้องตอบกลับบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน แผนผังองค์กรร้านอาหาร

ในกรณีของพนักงานเสิร์ฟหรือพนักงานทำความสะอาด คุณสามารถมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับพนักงานในตำแหน่งเดียวกันที่มีประสบการณ์มากกว่า

คุณยังสามารถใช้โอกาสนี้ในการประเมินประสิทธิภาพของทั้งพนักงานใหม่และพนักงานเก่าได้!

ความสามารถในการสื่อสาร

ทุกคนในพนักงานของร้านอาหารควรมีทักษะในการสื่อสารที่ดี ซึ่งรวมถึงหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของร้านอาหารด้วย

เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารของคุณในฐานะผู้จัดการ คุณจะต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน

นี่คือเคล็ดลับที่จะเป็นประโยชน์กับคุณ:

  • พยายามสื่อสารทุกครั้งที่คุณมีโอกาส ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นคุณควรจะได้รับรู้!
  • พูดคุยกับสมาชิกในทีมบ่อยๆ
  • อย่าคุยแต่เรื่องงาน!
  • สร้างขอบเขตว่าคุณจะเป็นมิตรได้เมื่อใดและอย่างไร — ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นมืออาชีพไว้
  • พยายามจำชื่อทุกคน มันอาจจะเป็นเรื่องยากหากคุณมีพนักงานจำนวนมาก ดังนั้นลองจำชื่อคนที่คุณสนิทที่สุด (หรือใช้แท็กชื่อ แบบที่ไม่เป็นทางการ)
  • ชัดเจนในคำสั่งของคุณเสมอ
  • ส่งเสริมการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้
  • ถามคำถาม!
  • ถามซ้ำตัวเองมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน และหยุดเมื่อคิดว่ามันเริ่มน่ารำคาญ!
  • พูดอย่างถูกต้องและใช้น้ำเสียงที่เหมาะสม

เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารของคุณ

ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม

การส่งเสริมการทำงานระหว่างทีมต่าง ๆ ของร้านอาหารจะช่วยพัฒนาการดำเนินงานของพวกเขาได้อย่างดี

ซึ่งส่งต่อผลอย่างมากต่อ:

  • ความรวดเร็วและคุณภาพของการให้บริการ
  • ความเร็วในครัว
  • ประสิทธิภาพของพนักงานทำความสะอาด
  • ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานประเภทต่างๆ
  • และความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทำเพียงแค่วันเดียว ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

คุณต้องมีกลยุทธ์ในการบรรลุเป้าหมายด้วย

ด้านล่างนี้ จะเป็นเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ในที่ทำงานและการทำงานร่วมกันระหว่างพนักงานของคุณ

1. สร้างความสัมพันธ์แบบครอบครัว

การทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญ พนักงานร้านอาหารทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี

ดังนั้นควรสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานของคุณ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว

บ่อยครั้ง ถ้าคุณจ้างคนที่เหมาะสมตั้งแต่ต้น เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

2. ส่งเสริมกิจกรรมของพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน

พนักงานพบปะสังสรรค์กลางแจ้ง

หนึ่งในวิธีที่จะสร้างความสัมพันธ์แบบมิตรภาพและความเคารพ คือการส่งเสริมกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการระหว่างพนักงาน

ยกตัวอย่างเช่น งานเลี้ยงวันเกิด พบปะกันหลังเลิกงาน และอื่นๆ จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ได้

ในบางกรณี ถ้าคุณสามารถจัดการได้ คุณสามารถดำเนินกิจกรรมขนาดใหญ่ เช่น การออกทริป หรือการรวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร

ลองคิดอะไรที่แปลกใหม่ มันจะช่วยคุณได้!

3. ใช้การเสริมแรงเชิงบวก

สิ่งสำคัญคือต้องชมเชย ส่งเสริม และแม้แต่ให้กำลังใจพนักงานในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม พยายามอย่าแสดงความยินดีกับพนักงานเพียงคนเดียว แต่ให้แสดงความยินดีกับทีมที่ทำให้ร้านอาหารดำเนินกิจการได้

4. ระบุบทบาทและแนวทางการสื่อสาร

การระบุบทบาทและตำแหน่งของพนักงานแต่ละคนมีความสำคัญต่อพวกเขาในการสื่อสารที่ดีระหว่างกัน

นี่เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากพนักงานมีข้อสงสัย คำถาม และอื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำจะสามารถหาคำตอบได้

ตัวอย่างเช่น หลังจากที่คุณจ้างพนักงานใหม่ พวกเขาไม่ควรพูดเฉพาะกับบุคคลที่พวกเขาเชื่อถือหรือผู้ว่าจ้าง

แต่พวกเขาควรสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และทุกๆ คน - และหากเป็นไปไม่ได้จริงๆ ค่อยลองคุยกับผู้จัดการแบบส่วนตัว

5. ลงโทษการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง และการล่วงละเมิดในที่ทำงาน

เช่นเดียวกับธุรกิจหรือบริษัทอื่นๆ ร้านอาหารดำเนินกิจการได้โดยมีตำแหน่งหน้าที่ ทำให้เลี่ยงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอำนาจในที่ทำงาน

นั่นคือเหตุผลที่คุณควรใส่ใจความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าและผู้ใต้บังคับบัญชา

น่าเสียดายที่การใช้อำนาจในทางที่ผิดและการล่วงละเมิดในที่ทำงานเป็นเรื่องปกติในห้องครัว — โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจ้างคนที่ไม่มีคุณสมบัติที่กล่าวไปข้างต้น

อย่าลืมลงโทษพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนี้!

6. เป็นแบบอย่างที่ดี

การสอนพนักงานให้ปฏิบัติต่อกันอย่างดี แต่ตัวเองกลับทำในสิ่งตรงกันข้ามนั้นดูไม่ฉลาด

ฝึกฝนทักษะการสื่อสารที่กล่าวไปข้างต้น และพยายามแสดงความเมตตาและยุติธรรมต่อผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเสมอ

หมายเหตุ: แม้ว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงการทำงานเป็นทีมได้ แต่มันจะไม่มีประโยชน์เลยหากคุณจ้างพนักงานที่ไม่มีศักยภาพตั้งแต่ต้น

สร้างเป้าหมายที่แตกต่างกันสำหรับทีมแต่ละทีม

ผู้ชายกำลังเทกาแฟ

วิธีที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีและการทำงานร่วมกันระหว่างพนักงานร้านอาหารคือ การสร้างเป้าหมายที่แตกต่างกันสำหรับทีมแต่ละทีม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในครัว พนักงานทำความสะอาด หรือพนักงานเสิร์ฟ

แนะนำให้ใช้ โมเดล SMART เพื่อสร้างเป้าหมาย

สิ่งนี้จะช่วยให้คุณ:

  • ปรับปรุงการทำงานเป็นทีม
  • เพิ่มศักยภาพของพนักงานแต่ละคน
  • ลดความผิดพลาดในกิจกรรมประจำวัน
  • และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและการดำเนินงานของร้านอาหารโดยรวม

คุณต้องสร้างเป้าหมายสำหรับแต่ละทีม และสำหรับพนักงานแต่ละคน

สิ่งนี้ควรมาพร้อมกับแรงจูงใจในการทำงานด้วย!

ด้านล่างนี้คือตัวอย่างของเป้าหมายต่างๆ ที่คุณสามารถสร้างขึ้นเพื่อใช้กับกลุ่มร้านอาหารได้

เป้าหมายสำหรับบริกร

ร้านอาหารและบริกร

บริกรเป็นส่วนสำคัญของพนักงานในร้านอาหาร ทำให้ง่ายต่อการกำหนดเป้าหมายให้กับพวกเขา

คุณสามารถกำหนดเป้าหมายเช่น:

  • ลดข้อผิดพลาดในการรับออเดอร์จากลูกค้า คุณสามารถตั้งเป้าหมายให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยกว่า 10 รายการต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดของร้านอาหารของคุณ
  • บริกรทุกคนควรรู้จักเมนูทุกเมนู รวมถึเมนูพิเศษด้วย
  • ปรับปรุงความเร็วในการให้บริการ คุณสามารถมอบหมายให้หัวหน้าบริกรกำหนดเวลาที่พนักงานเสิร์ฟแต่ละคนใช้ในการนำอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ และสามารถเก็บเวลาส่วนต่างไปใช้เป็นเวลาพักได้
  • ปฏิบัติตามกฎการแต่งกายและสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ
  • คิดหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงการให้บริการและทดลองใช้มัน นี่อาจจัดให้เป็นกิจกรรมของทีมบริกร
  • รักษาพื้นที่กลางแจ้งให้สะอาด สิ่งนี้จะช่วยคุณในเรื่องของ การปรับปรุงพื้นที่ภายนอกของร้านอาหารของคุณ และจะทำให้ร้านอาหารดูดีตั้งแต่มองจากข้างนอก

คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าบริกรเพื่อสร้างเป้าหมายเหล่านี้

ตัวอย่างเป้าหมายสำหรับพนักงานในครัว

การประชุมพนักงาน

เป้าหมายของพ่อครัว ผู้ช่วยพ่อครัว และพนักงานทำความสะอาด จะแตกต่างกันไปตามขั้นตอนการทำงานที่คุณสร้างขึ้นมาสำหรับร้านอาหารของคุณ

นี่คือตัวอย่างบางส่วน:

  • ปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความเร็วในการเตรียมอาหาร
  • ปรับปรุงความสะอาดของพื้นที่ในครัว สำหรับเรื่องนี้ คุณจะต้องได้รับการสนับสนุนจาก รองกุ๊ก หรือผู้จัดการสถานีต่างๆ
  • ปรับการใช้ส่วนผสมและสัดส่วนต่างๆ
  • ใช้โปรโตคอลความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ สำหรับเป้าหมายนี้ คุณสามารถกำหนดจำนวนอุบัติเหตุขั้นต่ำต่อเดือนได้ มันไม่ควรจะสูงมาก
  • ปรับปรุงสัดส่วนการทำอาหาร
  • เพิ่มกำลังการผลิต
  • สร้างสรรค์และทดลองทำเมนูใหม่ๆ

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ คุณจะต้องสื่อสารอย่างต่อเนื่องและโปร่งใสกับพนักงานในครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพนักงานที่มีตำแหน่งสูงกว่า

หมายเหตุ: เพื่อลดความเสียหายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น คุณควรมีแผน ครอบคลุมความเสี่ยงของร้านอาหารด้วยการประกันภัย

ตัวอย่างเป้าหมายสำหรับพนักงานทำความสะอาด

เป้าหมายของพนักงานทำความสะอาดขึ้นอยู่กับความเรียบร้อยและสภาพแวดล้อมของร้านอาหารแต่ละแห่ง

โดยทั่วไป คุณต้องการส่งเสริมเป้าหมายเฉพาะสำหรับประเภทของร้านอาหารที่คุณดำเนินการและอุปกรณ์ที่ใช้ในร้านอาหาร

ตัวอย่างเช่น:

  • ทำความสะอาดเครื่องตัดทุกวัน
  • ทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็งทุกสัปดาห์
  • ทำความสะอาดหน้าต่างและตู้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการร้องเรียนจากแขกเกี่ยวกับสุขอนามัยของร้านอาหาร

สิ่งเหล่านี้ต้องการการสื่อสารระหว่างทีมงานหน้างานและหัวหน้าทีมทำความสะอาด ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

เพราะว่า ในกรณีที่มีการร้องเรียน ผู้รับประทานอาหารจะไม่รายงานโดยตรงต่อทีมทำความสะอาด แต่จะแจ้งกับบริกรหรือพนักงานต้อนรับ

ตัวอย่างเป้าหมายสำหรับพนักงานทุกคน

เป้าหมายสำหรับพนักงานทุกคนสามารถมีลักษณะที่แตกต่างกันได้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น:

  • เพิ่มความเร็วในการให้บริการทุกประเภทในร้านอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างทีมต่างๆ
  • ปรับกระบวนการให้เหมาะสมเพื่อให้การทำงานลื่นไหลขึ้น
  • หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างทีม

เป้าหมายเหล่านี้ต้องการการทำงานเป็นทีมอย่างมาก - นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทีมเวิร์คจึงสำคัญ!

ทำทุกอย่างให้เป็นระบบ จัดระเบียบพนักงาน แล้วคุณจะรุ่ง!

กุญแจสำคัญในการนำร้านอาหารไปสู่ความสำเร็จคือการจัดการพนักงานและทรัพยากรที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม งานนี้แบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าส่วนงานไหนสำคัญที่สุด

การจัดระเบียบพนักงานและหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของร้านอาหารมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมันต้องเชื่อมโยงกันอย่างถูกต้อง

ต่อไปจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงระบบและพนักงานของคุณ เพื่อให้คุณสามารถรักษาระดับผลผลิตที่ดีในร้านอาหารของคุณได้

เคล็ดลับสำหรับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลร้านอาหาร

ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลร้านอาหาร

มีเคล็ดลับมากมายสำหรับผู้จัดการร้านอาหารที่คุณสามารถนำไปใช้ได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แนวทางที่เป็นประโยชน์ ปฏิบัติได้จริง ยืดหยุ่น และเป็นระบบ

เคล็ดลับต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์ในการจัดระเบียบตัวคุณเอง:

1. สร้างนิสัยและกิจวัตรที่คุณทำซ้ำได้อย่างสม่ำเสมอ

การสร้างนิสัยและกิจวัตร จะช่วยให้คุณทำงานในแต่ละวันได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ดีในการคงความกระฉับกระเฉงในช่วงเช้าตรู่ หลังจากทำเรื่องง่าย ๆ เสร็จแล้ว คุณสามารถจดจ่อกับกิจกรรมหนึ่งหรือสองอย่างที่ต้องการสมาธิ

เมื่อคุณเข้าสู่ โซน คุณจะพบว่าการบริหารงานร้านอาหารของคุณจะกลายเป็นเรื่องง่าย

นี่คือสิ่งที่คุณควรส่งเสริมเมื่อจัดการพนักงานร้านอาหารของคุณ

2. สร้างรายการสิ่งที่ต้องทำ

ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของร้านอาหารต้องทำหน้าที่หลายอย่าง

รายการสิ่งที่ต้องทำเป็นวิธีที่ดีเพื่อให้ทำงานได้อย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม มันไม่ควรเป็นแค่รายการชุ่ยๆ

เราขอแนะนำให้ร่างโครงสร้างขององค์กรอย่างง่าย เพื่อจะช่วยให้คุณดูแลทุกสิ่งที่คุณต้องทำอย่างมีระบบ

สิ่งสำคัญคือคุณต้องใส่รายการที่ยากหรือสำคัญที่สุดไว้ที่ด้านบนสุด เพื่อที่คุณจะได้ทำงานสำคัญให้เสร็จได้โดยไม่สะดุด

แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่รวมถึงรายการในกิจวัตรของคุณ — เน้นเฉพาะสิ่งที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษเท่านั้น

3. ใช้เครื่องมือจัดระเบียบเวลา

แอพจัดการเวลา เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการจัดการชีวิตส่วนตัวและอาชีพของคุณ

เมื่อคุณเริ่มใช้งาน หรือเพียงเพื่อวัดเวลาที่คุณใช้ในแต่ละกิจกรรม คุณจะรู้ว่าคุณอาจเสียเวลาไปเท่าไรต่อวัน

แน่นอน เคล็ดลับของแอปพลิเคชันประเภทนี้คือ เพื่อประมาณการว่าในแต่ละกิจกรรมคุณจะใช้เวลาไปกับมันเท่าไหร่

วิธีที่มีประสิทธิภาพในการใช้แอปนี้คือ การแบ่งเวลาย่อยๆ และกำหนดประเภทของกิจกรรม ให้กับเวลาเหล่านั้น แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมดไปกับกิจกรรมเดียว

ตัวอย่างเช่น ในชั่วโมงแรกของวัน คุณสามารถทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ "การตรวจสอบพื้นที่ทำงาน" ได้ ในขณะที่สำรวจแต่ละสถานีอย่างรอบคอบ

ในเวลาอันสั้น คุณจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดในการทำกิจกรรมแต่ละประเภทให้เสร็จ และคุณจะพยายามที่จะทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนดไว้หรือคงเวลาเฉลี่ยไว้

4. คิดเชิงรุก คิดวิธีป้องกัน และคิดล่วงหน้า

การคิดเชิงรุก คิดวิธีป้องกัน และคิดล่วงหน้าจะทำให้คุณได้เปรียบในการทำงานในอนาคต มากกว่าในปัจจุบัน

คุณจะต้องมองไปในอนาคต ป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานโดยแนะนำพวกเขาล่วงหน้า ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในร้านอาหาร และวิธีเชิงรุกในการแก้ไขข้อผิดพลาดและปัญหา

การจัดการเป็นเรื่องของการคิดแบบมีกลยุทธ์!

5. สร้างเป้าหมายที่วัดผลได้สำหรับตัวคุณเองในฐานะผู้จัดการ

เราพูดถึงเป้าหมายของพนักงานไปแล้ว แต่เป้าหมายของผู้จัดการกลับไม่ได้พูดถึง!

เป้าหมายของผู้จัดการคือการสร้างกลยุทธ์ที่ทำให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้น พัฒนาและปรับปรุงพวกเขา และจัดเป็นแนวทางปฏิบัติผลลัพธ์ออกมาดี

เป้าหมายของคุณคือการช่วยให้พนักงานบรรลุเป้าหมาย!

คุณทำได้โดยการจัดระเบียบและให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่พวกเขา

6. ผู้แทน

บ่อยครั้ง ผู้จัดการไม่ได้มือเปื้อน หมายถึงว่า เขาไม่ได้ลงไปปฏิบัติงานเอง แต่เขาแค่มอบหมายงานให้ผู้อื่น

อาจมองว่าเป็นความผิดพลาด อย่างไรก็ตาม การมอบหมายงานอาศัยการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ซึ่งจะทำให้ผู้จัดการจัดระเบียบได้ง่ายขึ้น

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณสามารถมอบหมายงานได้หรือไม่? โดยทั่วไป งานที่คุณจะมอบหมายแบ่งได้เป็นสองประเภท: งานที่ง่ายมาก และงานที่ยากมาก

สิ่งที่ควรตระหนักคือ คุณต้องมอบหมายสิ่งที่ง่ายกว่า ในขณะที่คุณดูแลสิ่งที่ยากกว่าเป็นการส่วนตัว ทำไมต้องทำแบบนั้น?

เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลร้านอาหารไม่ได้รับการยกเว้นจากการเสริมจุดอ่อนของเขา!

7. ติดตามแนวโน้มการบริหารพนักงานร้านอาหาร

อีกวิธีหนึ่งในการปรับปรุงจุดอ่อนของคุณคือ การรับข่าวสารเกี่ยวกับแนวโน้มทางเทคโนโลยีหรือระเบียบวิธีในการจัดการพนักงานร้านอาหาร

มีวิธีมากมายที่สามารถช่วยคุณจัดการพนักงานร้านอาหารได้

ตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์ ณ จุดขาย Waiterio เป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถใช้บริการด้านการจัดการเวลา จัดการพนักงานร้านอาหาร ออกแบบเมนู ตรวจสอบรายงานการขาย และอื่นๆ

(ดาวน์โหลด Waiterio ฟรี!)

ตั้งกฎสำหรับพนักงานร้านอาหารแต่ละคน

การกำหนดกฎเกณฑ์การทำงานสำหรับพนักงานร้านอาหารแต่ละคนเป็นสิ่งที่คุณต้องทำตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน

มีกฎหลายประเภทที่ต้องพิจารณาก่อนสร้างชุดกฎสำหรับแต่ละทีม

ด้านล่างนี้ คุณจะพบกฎที่พบบ่อยที่สุด

กฎของสุขอนามัยส่วนบุคคลและการนำเสนอ

สุขอนามัยเป็นส่วนสำคัญของร้านอาหาร นั่นคือเหตุผลที่อุปกรณ์การทำอาหารและอุปกรณ์ทำความสะอาดเป็นส่วนสำคัญของรายการของ อุปกรณ์ครัวสำหรับร้านอาหารทุกชิ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เพราะไม่ใช่แค่ร้านอาหารต้องสะอาด แต่รวมถึงพนักงานทุกคนด้วย

ด้วยเหตุผลดังกล่าว กฎของสุขอนามัยส่วนบุคคลจึงควรมีกฎเกี่ยวกับรูปลักษณ์ส่วนบุคคล ความสะอาดของเครื่องแบบ กฎการล้างมือ การใช้น้ำหอม และอื่นๆ

กฎความปลอดภัย

เนื่องจากความปลอดภัยในอุตสาหกรรมมีความสำคัญมากในร้านอาหาร คุณจะต้องกำหนดกฎความปลอดภัยบางประการ

เช่น ใส่รองเท้ากันลื่นในห้องครัว ใช้ป้าย "พื้นเปียก" เมื่อจำเป็น สวมถุงมือพิเศษเพื่อเอาของร้อนออกจากเตาอบ (ไม่ใช้ผ้า!) และมีสามารถจดจำมาตรการและระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัยของร้านอาหารได้

สิ่งนี้ไม่เพียงใช้กับพนักงานในครัวเท่านั้น แต่พนักงานทุกคนควรตระหนักถึงกฎเหล่านี้ไม่ว่าจะทำงานอยู่ส่วนไหนก็ตาม

หมายเหตุ: เนื่องจากการระบาดของไวรัส คุณควรพิจารณาเพิ่ม กฎความปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วย

กฎการบริการ การศึกษา และการติดต่อกับลูกค้า

สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดสำหรับบริกร

พวกเขาควรปฏิบัติต่อผู้ที่มารับประทานอาหารเป็นอย่างดีด้วยความสุภาพและมารยาทที่ดี พูดให้ชัดเจนและรัดกุม เอาใจใส่ต่อความต้องการของพวกเขา เอาใจใส่ความต้องการของเพื่อนร่วมทีม และอื่นๆ

หากใช้อย่างถูกต้องจะทำให้เกิดความประทับใจในการใช้บริการที่ร้านอาหาร!

กฎของการหยุดพัก

เวลาพักของร้านอาหารควรมีกฎเกณฑ์ด้วย

ตัวอย่างเช่น กฎเกี่ยวกับความยาวของช่วงพัก สถานที่ที่จะหยุดพัก กิจกรรมที่สามารถทำได้หรือไม่สามารถทำได้ในช่วงพัก และอื่นๆ

นี่เป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น พนักงานใช้เวลาในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม (เช่น ต่อหน้าลูกค้า) เป็นต้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการใช้ช่วงพักที่เหมาะสม

ให้รางวัลการทำงานที่ดีและการลงโทษเมื่อจำเป็น

หากมีกฎเกณฑ์ ก็จะมีคนที่ปฏิบัติตามกฎ และคนที่ไม่ปฏิบัติตาม

นอกจากจะชัดเจนเมื่อตั้งกฎแล้ว คุณต้องตั้งบทลงโทษเมื่อมีคนทำผิดกฎด้วย

ในบางกรณีจำเป็นต้องเลิกจ้าง

ความรับผิดชอบที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลคือ การรู้ว่าเมื่อใดควรไล่พนักงานออก

มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อต้องบริหารจัดการพนักงานร้านอาหาร

ด้วยเหตุผลดังกล่าว คุณต้องสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมา เพื่อให้รู้ว่าพนักงานคนใด ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้อีกต่อไป

เพื่อให้มันไม่ยุ่งยากจนเกินไป คุณจึงต้องพึ่งพากฎ - และพนักงานทุกคนควรรับทราบ

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเลิกจ้างมีดังต่อไปนี้

  • ทำงานไม่เต็มความสามารถ
  • ละเลยงานที่ได้รับมอบหมายหรือเสียเวลามากในการทำงานให้เสร็จ
  • มาสายหลายครั้งหรือไม่มาทำงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้าซ้ำๆ
  • พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ทำงาน ตัวอย่างเช่น การมึนเมาหรือการล่วงละเมิดในที่ทำงาน
  • ขโมยของใช้ในครัวหรือวัตถุดิบ
  • การไม่เชื่อฟัง
  • ทำผิดกฎมากกว่าหนึ่งครั้ง

ขอแนะนำให้คุณมองว่าการเลิกจ้างเป็นทางเลือกสุดท้าย เมื่อคุณได้ตรวจสอบแล้วว่าทัศนคติของพนักงานไม่ดีขึ้น กลยุทธ์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพไม่ช่วยให้ดีขึ้น การคว่ำบาตรไม่มีผล และเมื่อการฝึกอบรมไม่สามารถช่วยได้

หวังว่าคุณจะไม่ต้องเผชิญกับความท้าทายนี้ในในฐานะของผู้จัดการ มิฉะนั้น คุณจะต้องเริ่มกระบวนการจ้างงานอีกครั้ง!

ยืดหยุ่น ปรับตัวได้ และเอาใจใส่

ผู้จัดการร้านอาหารควรมีความยืดหยุ่นและเอาใจใส่เมื่อต้องติดต่อกับพนักงาน

ไม่ว่าคุณจะมีแผนและเป้าหมายเยี่ยมยอดแค่ไหน ทุกอย่างไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณเสมอไป

นั่นคือเหตุผลที่คุณควรมีแผนสำรอง (A, B, C เป็นต้น) เพื่อให้คุณสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม

คุณจะต้องเรียนรู้ด้วยว่าหากแผนบางอย่างล้มเหลว หรือในกรณีที่มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น คุณจะต้องตัดสินใจให้ถูกต้องตามวิจารณญาณที่ดีที่สุดของคุณ

นอกจากนี้ คุณควรมีมารยาทและเห็นอกเห็นใจพนักงาน — พวกเขาก็เป็นคน!

ความผิดพลาดของพนักงานเป็นที่ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง สามารถเสริมจุดอ่อนได้ และสามารถสอนและฝึกอบรมให้ดีขึ้นได้

เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลของคุณ และหากไม่มั่นใจ ให้ลองคิด ว่าคุณอยากได้รับความช่วยเหลืออย่างไร ถ้าคุณเป็นพวกเขา

บริหารจัดการพนักงานให้ดีเพื่อให้ร้านอาหารของคุณดำเนินได้อย่างราบรื่น

พนักงานของร้านอาหาร — หรือของทุกธุรกิจอื่นๆ — เป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรและอุปกรณ์ของร้านอาหารของคุณ

หากไม่มีพวกเขา คุณจะไม่สามารถจัดการหลายขั้นตอน ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของร้านอาหารที่ดีได้

คุณต้องการความช่วยเหลือในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานของคุณหรือไม่?

Waiterio สามารถช่วยคุณวัดผลการปฏิบัติงานของพนักงานของคุณ เพื่อดูว่าพนักงานเสิร์ฟคนไหนที่สร้างรายได้ให้กับร้านอาหารของคุณได้มากกว่า และคุณจะสามารถตัดสินใจได้โดยอิงจากข้อมูลจริง

เริ่มปรับปรุงการจัดการพนักงานร้านอาหารของคุณวันนี้!

ขยายธุรกิจอาหารของคุณด้วย Waiterio POS

เข้าร่วม 40,000 ร้านอาหารโดยใช้ระบบจุดขายของ waiterio

The online ordering has been the perfect tool, especially with the ongoing COVID-19 pandemic as customers choose to limit face to face interaction. We have grown food delivery by over 112% which is solely due to the use of the free online ordering website.

- Matthew Johnson (Owner of MrBreakFastJa, Jamaica)

ดาวน์โหลดฟรี

บทความล่าสุด